ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันนี้การทำธุรกรรมออนไลน์นั้นง่ายมาก เพียงกดผ่านหน้าจอไม่กี่ขั้นตอน จะโอนเงิน จ่ายเงิน ฝากหรือถอนเพิ่ม ซื้อสินค้าหรือบริการใดๆ ก็ทำได้เพียงคลิกเดียว ประหยัดเวลาและปลอดภัยสูง และทุกครั้งจะมี OTP ที่เป็นรหัสส่งมาสู่ผู้ใช้งานให้ยืนยันการทำธุรกรรมต่างๆ ในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งรหัสต้องนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาด เพราะผู้ไม่หวังดีสามารนำเลขดังกล่าวใช้โจรกรรมข้อมูลส่วนตัว จะดูดเงินในบัญชีก็ยังได้
รหัส OTP คืออะไร สำคัญมากน้อยแค่ไหน
สำหรับ OTP (One Time Password) เป็นชุดรหัสผ่านที่ไว้ใช้งานครั้งเดียว มีตัวเลขสุ่มประมาณ 4-6 หลัก ใช้เพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ประเภทต่างๆ โดยตัวเลขจะส่งมายังอีเมล SMS หรือตามกล่องข้อความของแพลตฟอร์มการใช้งานที่ระบุไว้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถนำรหัส OTP มายืนยันตัวตนในการทำธุรกรรม ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการยืนยันการทำรายการ
ตัวเลข One Time Password นี้มีความสำคัญมาก เพราะหากในการทำธุรกรรมใดๆ ถ้าผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชีทราบตัวเลขเหล่านี้อาจขโมยข้อมูลส่วนตัว เงินสด บัตรเครดิต หรืออื่นๆ ได้ ดังนั้นจึงมีมิจฉาชีพที่แฝงรอยตามสื่อโซเชี่ยลมีเดีย แสร้งเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารขอเลข OTP จากเจ้าของผู้ใช้บัญชีและนำรหัสไปซื้อสินค้าหรือถอนเงินออกมาจนเกิดความเดือดร้อนเสียหาย
วิธีสวมรอยเพื่อหลอกล่อขอรหัส OTP ของมิจฉาชีพ
- สวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อขอรหัส โดยจะแสร้งโทรหาถามหมายเลข OTP พร้อมสร้างสถานการณ์บีบบังคับให้รู้สึกกลัว
- ส่งลิงก์เว็บไซต์มาให้ใส่รหัส หากพบเห็นลิงก์ข้อความสแปม แปลกๆ ตามสื่อต่างๆ ห้ามกดโดยเด็ดขาด เพราะอาจล่อลวงให้กรอกรหัสได้
- เจาะระบบแฮ็ก Device ของผู้ใช้ ลักษณะจะปล่อย Spyware เข้าเครื่องผู้ใช้ จากการที่เจ้าตัวไปกดลิงก์สแปมแปลกปลอมและอันตราย
เรื่องของรหัส OTP ที่คุณอาจยังไม่รู้
เชื่อว่าในยุคนี้ยังมีผู้ใช้งานหลายๆ คนไม่เข้าใจว่ารหัส OTP ทำงานอย่างไร ทำไมต้องขอ ส่งมาเนื่องจากอะไรบ้าง หมดอายุภายในกี่วัน สามารถขอรหัสใหม่ได้หรือไม่ คำถามต่างๆ นานๆ มากมาย ที่ผู้ใช้งานมีเดียออนไลน์สมัยใหม่ขาดทักษะความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง จนสุดท้ายอาจผิดพลาดและเสียรู้ให้เหล่ามิจฉาชีพที่จ้องหากินกับกลุ่มคนเหล่านี้ได้
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จึงจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจกับความสำคัญของ OTP เพื่อรับมือกับการใช้งานและป้องกันการถูกหลอกจากมิจฉาชีพ มีเรื่องที่จำเป็นต้องรู้ ดังนี้
รหัส OTP ส่งมาจากการใช้งานอะไรบ้าง
- ส่งเมื่อมีคำสั่งการซื้อสินค้าออนไลน์ด้วยบัตรเครดิต
- ส่งเมื่อมีคำสั่งการเข้า Internet Banking หรือ Mobile Banking
- ส่งเมื่อมีคำสั่งการเข้าใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ
ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ OTP
- ส่วนใหญ่รหัส OTP จะผูกกับเบอร์โทรศัพท์มือถือส่วนตัวของผู้ใช้งาน
- รหัสจะส่งเข้า SMS ของเบอร์มือถือผู้ใช้เป็นหลัก
- รหัสจะมีตัวเลขประมาณ 4-6 หลัก และ 1 ชุดตัวเลข ใช้ได้เพียงครั้งเดียว
- รหัสจะสามารถใช้งานได้ภายใน 3-5 นาที เท่านั้น
- เมื่อครบระยะเวลาการใช้งานรหัสจะทำการสุ่มใหม่ทุกครั้ง
แนวทางป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อโจรออนไลน์
สำหรับการใช้งานรหัส One Time Password ให้ปลอดภัย เมื่อมีลิงก์แนบมายังกล่องข้อความ SMS เช่น ให้กรอก OTP 6 หลัก แบบนี้อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด เพราะอาจเป็นลิงก์อันตรายไปสู่การโจรกรรมข้อมูลผู้ใช้งาน ให้หลีกเลี่ยงไปเลยดีที่สุด หรือเหตุการณ์ที่มีบุคคลโทรติดต่อมาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร หากไม่มั่นใจว่าได้ทำธุรกรรมอะไรไว้หรือไม่ ให้ปฏิเสธทุกกรณี หากต้องการทำธุรกรรมให้แจ้งว่าขอดำเนินการที่สาขาธนาคารเท่านั้น
แนวทางป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเหล่ามิจฉาชีพที่ใช้ช่องโหว่ของรหัส OTP นั้นไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งสำคัญอยู่ที่ผู้ใช้งานต้องไม่ระบุตัวเลขใดๆ ให้เด็ดขาด ไม่ทำตามคำขอและไม่คล้อยตาม หากไม่มั่นใจว่าเป็นการติดต่อจากเจ้าหน้าที่จริงๆ หรือไม่ ให้แจ้งขอดำเนินการที่สำนักงานเท่านั้นตามที่ได้ระบุไว้เพื่อความปลอดภัยก่อน และรีบติดต่อเจ้าหน้าที่จริงเพื่อดำเนินการเปลี่ยนรหัสผ่านการใช้งานหรืออายัดข้อมูลไม่ให้มิจฉาชีพใช้อีกได้
เทคโนโลยีความปลอดภัยต้องคู่กับการใช้งานอย่างรู้เท่าทันด้วย
การใช้งานรหัส OTP เป็นระบบการรักษาความปลอดภัยรูปแบบออนไลน์ที่ให้ความปลอดภัยสูง อำนวยความสะดวก และเป็นตัวกลางในการเข้าถึงเว็บคาสิโนเชื่อถือได้ที่ใช้งานได้ดีและเป็นสากลใช้กันปกติทั่วไป แต่อย่างไรก็ตามเหล่ามิจฉาชีพมักจะหาช่องโหว่เพื่อโจรกรรมได้เสมอ ดังนั้นสิ่งสำคัญจึงไม่ควรมองข้ามความปลอดภัยเด็ดขาด แม้ตัวระบบการใช้งานจะออกแบบมาให้ปลอดภัย แต่หากใช้อย่างประมาทก็ไม่ต่างอะไรกับการเปิดโอกาสให้มิจฉาชีพเข้ามาได้
นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีการป้องกันการเข้าถึง ความปลอดภัยต่างๆ ที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบันหลากหลายชนิด ตัวอย่างเช่น Authenticator ที่เป็นตัวสุ่มรหัสอย่างโปร่งใส ปราศจากตัวกลางในการ Generate ชุดตัวเลขสำหรับเข้าถึงการใช้งานร่วมกับแอพฯ ต่างๆ เทคโนโลยีนี้ก็มีความปลอดภัยไม่แพ้กัน แต่ก็แน่นอนว่าเหล่ามิจฉาชีพยังสามารถหาช่องโหว่จากมันได้อยู่ดี ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ควรใช้งานอย่างรอบคอบ ละเอียดถี่ถ้วน และไม่หลงเชื่อกับผู้ที่ไม่ทราบที่มาที่ไปที่ชัดเจน