กรดไหลย้อน

สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวจากการทำงานประจำ งานออฟฟิศ ช่วงอายุระหว่าง 25-40 ปี ไม่ว่าจะชายหรือหญิง แน่นอนว่าเต็มไปด้วยไฟและความมุ่งมั่นในการทำงาน มีพลังงานล้นเหลือจนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจึงได้ทำงานกันแบบหามรุ่งหามค่ำ และเริ่มจะติดนิสัยทำงานดึก พฤติกรรมเหล่านี้ก่อตัวจนทำให้เกิดเป็นโรคภัยต่างๆ โดยที่ไม่ได้รู้ตัว โรคฮิตต่างๆ ที่พร้อมรุมเร้าหลอกหลอนมนุษย์ทำงานประจำจะมีโรคอะไรบ้าง

โรคกรดไหลย้อน

สำหรับโรคกรดไหลย้อนถือเป็นอาการหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยทรมานมากๆ เกิดจากพฤติกรรมที่ชอบนอนดึก มีการทานอาหารมื้อดึก หลังจากทานได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงจึงนอนหลับ นิสัยเหล่านี้จะเข้าไปทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นกัดบริเวณลำคอ จนทำให้รู้สึกแสบ กรดในกระเพาะอาหารเปรียบเสมือนได้กับน้ำกรดชนิดอ่อนๆ และเมื่อไหลย้อนมาที่บริเวณลำคอที่เป็นเนื้อเยื่ออ่อนแล้วยิ่งทำให้มีการอักเสบ เกิดแผลระคายเคือง

หากใครที่เคยเป็นโรคกรดไหลมักเข้าใจดีว่าจะสร้างความรำคาญที่บริเวณลำคออยู่ตลอดเวลา อีกทั้งพฤติกรรมการทานมื้อดึกยังทำให้น้ำหนักเพิ่มรวดเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว กลายเป็นว่ารับโรคเข้ามาสองเด้งเลยทีเดียว ทั้งกรดไหลย้อนและโรคอ้วนด้วย ซึ่งหากเป็นเรื้อรังอาจเป็นปัญหาไปสู่โรคอื่นๆ ตามมาได้ เช่น โรคหลอดลมอักเสบ แผลในลำคอ เป็นต้น

ทีมงานเราก็อยากให้ท่าน ป้องกันการเป็นกรดไหลย้อน ก่อนเป็นเรื้อรัง ด้วยการปรับตัวง่ายๆ

แนวทางปรับพฤติกรรมโรคกรดไหลย้อน

• พยายามบังคับตัวเองให้นอนเร็ว ไม่นอนดึก
• หยุดการทานอาหารหลัง 20.00 น. เป็นต้นไป
• ทานอาหารให้เป็นเวลา ทานให้ครบมื้อ
• ลดปริมาณการทานอาหารรสจัด รสเผ็ดร้อน

โรคปลายประสาทอักเสบ

นับเป็นภัยร้ายใกล้ตัวที่น่ากลัวมากๆ อีกโรคหนึ่ง อาการของโรคนี้มักจะมาแบบปกติโดยที่เราไม่ทันได้ใส่ใจ ไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะคิดว่าเป็นอาการชาตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า ที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ตามปกติ แต่ยังไม่ทราบว่าหากเป็นโรคปลายประสาทอักเสบจะมีอาการหัวใจเต้นเร็วร่วมด้วย หากฝืนการทำงาน ใช้ร่างกายต่อเนื่องโดยไม่พักผ่อน หรือไม่รีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษานั้นอันตรายแน่

สำหรับ โรคปลายประสาทอักเสบ ในผู้ที่มีอาการหนักมากๆ จะสามารถส่งผลต่อกล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ โดยเฉพาะกับบริเวณใบหน้าอาจทำให้ไม่สามารถบังคับกล้ามเนื้อได้ จนเกิดเป็นอาการปากเบี้ยว หน้าเบี้ยว ที่เราเห็นกันบ่อยๆ ตามสื่ออินเทอร์เน็ตในยุคนี้ ดังนั้นหากสังเกตตัวเองว่ามีอาการเหน็บชาบ่อยๆ อย่าปล่อยละเลย หมั่นตรวจเช็คสุขภาพและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

แนวทางป้องกันโรคปลายประสาทอักเสบ

• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อวัน
• ทานอาหารที่มีวิตามินบี เช่น ข้าวกล้อง หรือใช้อาหารเสริมได้
• พยายามลดความเครียด ผ่อนคลายกับการดำเนินชีวิตลงบ้าง
• ออกกำลังกายและรักษาสุขภาพอยู่เป็นประจำ
• ตรวจร่างกายและพบแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง

โรคออฟฟิศซินโดรม

กลายเป็นโรคยอดฮิตสำหรับคนยุคนี้กันไปแล้ว ทั้ง Gen X และ Y เรียกว่าคนทำงานใครไม่เป็นโรคนี้ถือว่าตกเทรนด์ แต่ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่อย่างใด เพราะโรคนี้ในระยะสั้นเพียงแค่ส่งผลให้เหนื่อยเมื่อยล้า และรำคาญจากอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย แต่หากเป็นเรื้อรังในระยะยาวถือเป็นภัยร้ายต่อสุขภาพที่ส่งผลกระทบมากทีเดียว ดังนั้นหากรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นเรื่องที่ควรทำ

สาเหตุของอาการออฟฟิศซินโดรม เกิดจากการนั่งทำงานอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ในเวลานาน ทั้งส่งผลต่อสายต่อรวมทั้งกล้ามเนื้อตามบริเวณไหล่และหลัง เกิดจากการอักเสบที่นั่งแช่นานมากเกินไปเช่นกัน การนั่งที่ผิดท่าทาง ผิดสรีระ หากทิ้งไว้จนเรื้อรังไม่รีบรักษาอาจลามไปถึงโรคไมเกรน โรคทางระบบกระดูกและกล้ามขั้นรุนแรง ทำให้ต้องเสียเงินในการรักษาและกายภาพบำบัดเป็นเวลานาน

แนวทางหลีกเลี่ยงโรคออฟฟิศซินโดรม

• ปรับความสว่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ให้สว่างและไม่มืดจนเกิดไป เป็นระดับที่สายตารับได้
• เว้นระยะระหว่างหน้าจอและใบหน้า ไม่ใกล้จนเกินไป ป้องกันสายตาและอาการหลังค่อม
• จัดท่านั่งในระยะที่ไหล่กับหลังรู้สึกสบาย ไม่เกร็ง ช่วงตัวและศอกมีความสมดุล
• ปรับเปลี่ยนอริยบท ลุกเข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำ หรือยืดเส้นยืดสายให้ร่างกาย เมื่อต้องนั่งนานๆ

หมั่นดูแลรักษาสุขภาพเพื่อบั้นปลายชีวิตที่ดี

เชื่อว่าหลายท่านที่เป็นพนักงานออฟฟิศคงเจอปัญหาด้านสุขภาพเหล่านี้กันมาไม่มากก็น้อย สิ่งหนึ่งที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองคือการดูแลสุขภาพควบคู่ไปกับการทำงาน การบาลานซ์สมดุลสุขภาพร่างกายและการทำงาน ไม่หักโหมมากเกินไป หมั่นตรวจเช็คความผิดปกติของร่างกายอยู่สม่ำเสมอ และออกกำลังกายเป็นประจำ

เรามักจะได้ยินคำกล่าวที่ว่า สุขภาพหาซื้อไม่ได้ อยากได้ต้องสร้างเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่จริงมากๆ การหมั่นดูแลสุขภาพรอบด้าน ทั้งการเลือกทานอาหาร การออกกำลังกายที่ต้องแบ่งเวลาให้เหมาะสม หากไม่ประเมินสุขภาพและดูแลตนเองให้ดี กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็สายไปเสียแล้ว เพราะโรคต่างๆ พร้อมรุมเร้าในช่วงเกษียณการทำงานและไม่ปราณีกับเราแน่นอน